สนาม: ส่านซีเศรษฐกิจจีน
บทนำ: เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เวลา 0630 น พทกรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท) พร้อม พตอธนวุฒิ โพธิ์ชุ่ม ประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ปปท,พตทสิริพงษ์ ศรีตุลา ผอกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ปปท สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปท, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง), กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บกปอท) และ สนดอนเมือง นำหมายค้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เลขที่ 2/2561 และ 3/2561 ลงวันที่ 22 มีค2561 ขอค้นบ้านเลขที่ 310/926 และ 310/927 หมู่บ้านปิ่นเจริญ 3 ถนนสรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ของนางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร, เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารเพื่อพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามมาตรา 147,1 51, 161, 162 และ 157 โดยเบียดบังงบกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ทุนการศึกษาของนักเรียนในโครงการของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ) กว่า 88 ล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี โดยสภาพบ้านนางรจนาเป็นทาวน์เฮาส์หลังเก่า 2 หลังติดกัน มีการนำผ้าม่านและแผ่นสังกะสีปิดซ้อนกับประตูรั้วอย่างมิดชิด ซึ่ง พตทสิริพงษ์ได้กดกริ่งเรียกเจ้าของบ้าน พร้อมแสดงหมายค้นของศาลเพื่อขอเข้าตรวจค้นหลักฐานนำมาประกอบการไต่สวนมูลฟ้อง และหลักฐานอื่นอันเป็นเหตุสงสัยว่าใช้เพื่อกระทำความผิด ทั้งนี้ ได้ชี้แจงวัตถุประสงค์กับนางรจนานานกว่า 20 นาที และนางรจนาได้โทรศัพท์หารือกับทนายความ ก่อนอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ ปปทเข้าตรวจค้นเก็บหลักฐาน พตทสิริพงษ์เปิดเผยว่า คดีนี้เลขาธิการ ปปทมีนโยบายให้ทำงานเชิงรุก ภายหลังบอร์ด ปปทมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดได้ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อเก็บพยานหลักฐานในทันที เนื่องจากกรณีของนางรจนา มีเหตุต้องสงสัยว่าเป็นเพียงข้าราชการระดับ 8 แต่สามารถใช้ช่องว่างทุจริตอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี สร้างความเสียหายให้กับระบบราชการกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่สภาพบ้านพักค่อนข้างทรุดโทรม จึงเป็นประเด็นต้องสงสัยถึงเส้นทางการเงิน โดยเบื้องต้นพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการทุจริตนำไปเข้าในบัญชีของบุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปี 51 จนถึงปัจจุบันแล้ว แต่อยู่ระหว่างการขยายผลว่าเงินไหลออกไปจุดใดบ้างเจอโกงเพิ่ม 30 ล้าน ที่สำคัญในคดีมีข้อสงสัยว่าการอนุมัติทุนทำในรูปคณะกรรมการ มีผู้ร่วมพิจารณาเป็นจำนวนมาก เหตุใดจึงมีการทุจริตเพียงคนเดียว โดยไม่พบร่องรอยของผู้ร่วมพิจารณารับรู้เรื่องด้วย สำหรับผู้ที่มีชื่อรับเงินจากนางรจนาจะต้องเสนอให้บอร์ด ปปทมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีทั้งหมด ล่าสุดจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความเสียหายเพิ่มเติมจาก 88 ล้านบาท เป็นกว่า 110 ล้านบาท โดยพบวงเงินที่ถูกทุจริตในงบประมาณปี 51 และ 53 เพิ่มอีก 30 ล้านบาท พตทสิริพงษ์ระบุ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีเวลาในการตรวจอายัดหลักฐาน ตั้งแต่เวลา 0600-1800 น จะพยายามทำการตรวจอายัดให้เสร็จภายในวันที่ 23 มีค ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบ และหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เบื้องต้นได้ทำการตรวจอายัดแฟ้มเอกสารจำนวนมาก และคอมพิวเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเอกสารที่อยู่ภายในรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีน้ำเงิน ทะเบียน ศส 6116 กรุงเทพฯ ของนางรจนาที่จอดอยู่หน้าบ้าน จากการตรวจสอบบ้าน 2 หลัง สามารถทะลุถึงกันได้ มีคนในครอบครัวรวมนางรจนาด้วยทั้งหมด 4 คน ซึ่งให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการตรวจเป็นอย่างดี หลังจากนี้จะนำหลักฐานทั้งหมดกลับ ปปท เพื่อให้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงทำการตรวจหาพยานหลักฐานต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่ ปปทยึดได้ภายในรถคันดังกล่าว ประกอบด้วย เอกสารที่ถูกฉีกทำลายอยู่ในถุงขยะสีดำ 2 ถุง เอกสารที่ระบุประวัตินักเรียนที่ได้รับทุน สำเนาสลิปการโอนเงิน สำเนาบัญชีธนาคาร และเอกสารกองทุนเสมาฯ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2540 ด้าน พทกรทิพย์เผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายค้น ตรวจอายัดหาพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อหาความเกี่ยวโยงกับคดีทุจริตงบกองทุนเสมาฯ และหาพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับนางรจนา ส่วนใหญ่พบเอกสารและแฟ้มจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จะนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากนี้หากพบความเกี่ยวโยงถึงใคร และข้าราชการระดับสูง คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ปปท จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ปปงตรวจสอบพบเส้นทางการเงินบุคคลที่ไม่ใช่เครือญาติของนางรจนา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในสำนวน ยังต้องขอเวลาตรวจสอบต่อไป ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ กล่าวถึงกรณีที่ ปปทเข้าค้นบ้านนางรจนา และพบเอกสารเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2540-2546 นั้น ถือเป็นข่าวดี ทาง ศธจะขอเอกสารดังกล่าวจาก ปปทมาตรวจสอบ เพื่อจะไล่ดูว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นตั้งแต่ปีไหน ซึ่ง นพธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมวศธ ย้ำว่าให้ตรวจสอบทั้งระบบ โดยล่าสุดทางนิติกรได้ทำคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอให้ รมวศธลงนามเร็วๆ นี้ศธฟันวินัยร้ายแรง ปลัด ศธเปิดเผยว่า สำนักนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สปศธ) ได้สรุปและเสนอโทษทางวินัยของนางรจนาเรียบร้อยแล้ว โดยเสนอให้ลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษ 2 สถานคือ ไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ ส่วนจะลงโทษสถานใดนั้น จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อกพ) สปศธ เพื่อมีมติร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตระหว่างปี 2551-2561 จำนวนกว่า 88 ล้านบาท กล่าวว่า ต้องตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนฯ อย่างเป็นทางการในปี 2543 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้เงินประเดิมกองทุนฯ จำนวน 600 ล้านบาท จากสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยเอกสารที่รวบรวมจะมีทั้งเอกสารที่เป็นบันทึกรายงานการประชุม การจัดทำบัญชีเบิกจ่ายในแต่ละปี แม้จะมีเอกสารส่วนหนึ่งที่ยังหาไม่เจอ แต่คณะกรรมการสืบสวนฯ ได้ค้นพบเอกสารเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด พบเอกสารการเงินที่เกี่ยวข้องกับปี 2551 และ 2553 และยังพบว่าปี 2550 มีการทุจริตเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทราบจำนวนเงิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบและค้นหาเอกสารยืนยัน ทั้งนี้ จากเอกสารและข้อมูลที่พบทั้ง 3 ปี พบว่ามีตัวเลขเงินที่หายไปเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 ล้านบาท แต่ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ยังยืนยันไม่ได้ว่าตัวเลข 30 ล้านบาทที่พบเป็นการทุจริตทั้งหมดหรือไม่ แต่เท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ประธานคณะกรรมการสืบสวนฯ ระบุ นายอรรถพลกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้เชิญนางรจนามาให้ข้อมูลแล้วถึง 3 ครั้ง แต่นางรจนาปฏิเสธ โดยบอกว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ส่วนข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีก 4 รายนั้น ยังไม่ได้เชิญมาให้ข้อมูล ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบจากเอกสารก่อน เพราะเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่ตัวผู้กระทำความผิดได้ ส่วนพยานบุคคลเป็นเพียงการให้ข้อมูลยืนยันว่าจริง หรือไม่จริง ดังนั้น แม้ไม่ได้สอบสวนผู้เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่ทำการทุจริตได้ ส่วนนางรจนานั้น ยังถือว่าเป็นข้าราชการ และหากในการประชุม อกพ สปศธ วันที่ 26 มีคนี้มีมติลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง ไล่ออก หรือปลดออกนางรจนา ออกจากราชการ คณะกรรมการสืบสวนฯ ยังคงต้องทำหน้าที่สืบสวนต่อไป เพราะกระบวนการยังมีอีกหลายขั้นตอน หน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนฯ คือรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และเสนอให้ผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามขั้นตอน เมื่อถามว่า จะเชิญอดีตปลัด ศธที่อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวมาให้ข้อมูลหรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า ขอให้สรุปข้อมูลจากเอกสารให้ได้ก่อน ส่วนผู้บริหารในอดีตบางคน มีการมอบหมายให้รองปลัด ศธดูแลแทน และส่วนใหญ่จะเซ็นอนุมัติในหลักการ ซึ่งการที่เห็นลายเซ็นปรากฏในเอกสารอนุมัติงบประมาณต่างๆ นั้น อาจเป็นการอนุมัติงบภาพรวม ซึ่งตรงนี้ต้องไปตรวจสอบ ในช่วงค่ำ พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าการทุจริตที่ตรวจสอบพบจากข้อร้องเรียนของภาคประชาชน รัฐบาล และ คสชนั้น จะดำเนินการให้ทุกเรื่อง ขอให้อย่าเป็นการกลั่นแกล้ง หรือเป็นการทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน เพียงแต่ว่าขอข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานพอสมควรให้เกิดความกระจ่างชัด จะได้ดำเนินการต่อได้ ซึ่งจะต้องทำให้เป็นธรรมตามขั้นตอน ตามกระบวนการและข้อกฎหมาย โดยอาจจะมีหลายเรื่องในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ แต่จำเป็นต้องใช้กระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใสและเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมายที่มีอยู่...
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-02-28